ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนเป็น ISO 45001:2018 ตอนที่ 1

การปรับเปลี่ยนจากมาตรฐาน OHSAS 18001 ไปเป็นมาตรฐานใหม่ ISO 45001 เป็นเรื่องที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก ซึ่งองค์กรจำเป็นต้องมีพันธสัญญา การวางแผน และการตรวจสอบด้วยความระมัดระวัง และจะทำให้พนักงานหรือลูกจ้างและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้รับประโยชน์จากระบบการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

สำหรับธุรกิจและสถาบันต่างๆ จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบในการจัดเตรียมให้ลูกจ้างมีสถานที่ทำงานที่มีความปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ตัวอย่างเช่น ในบางองค์กรและบางบริษัท การมีตู้นอนและห้องสำหรับงีบหลับเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นปกติ แต่ก็มีการตั้งคำถามว่าจะเป็นการตามใจลูกจ้างจนเกินเลยไปหรือไม่ เอสเอ็มอีและบริษัทเล็กๆ ส่วนใหญ่ รวมถึงภาครัฐอาจจะมองว่าของเหล่านี้เป็นของเหล่านี้เป็นของฟุ่มเฟือยที่ไม่ควรเสียเงิน แต่หากมองในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นการเติมพลังให้กับลูกจ้างที่มีเซลล์สมองที่อ่อนล้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้

ลอเรนซ์ เอพสไตน์ ประธานคนเก่าของ American Academy of Sleep Medicine กล่าวกับนิตยสารไฟแนนเชียลไทม์ว่ามีการงานด้านความปลอดภัยและสุขภาพเมื่อเดือนกันยายน 2560 ว่าความผิดปกติของการนอนหลับส่งผลถึงผลผลิตในการทำงานรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและอุบัติเหตุในที่ทำงานได้อย่างไร ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการนอนไม่หลับในสหรัฐอเมริกามีการประมาณการว่าสูงเกิน 100 พันล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากมีผลผลิตลดลง การขาดงาน และถึงแม้ว่าลูกจ้างจะมาทำงานแต่ก็ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตแต่อย่างใด

จากการรายงานจองสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) เรื่อง Future of Healthy – How to Realize Returns on Health บริษัทอย่างกูเกิ้ลได้เริ่มยอมรับว่าการส่งเสริมให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของพนักงานจะส่งเสริมในเรื่องผลผลิต ซึ่งยังไม่รวมถึงการจูงใจคนที่มีความสามารถให้เข้ามาทำงานด้วย รายงานดังกล่าวต่อไปว่า สุขภาพของลูกจ้างที่ดีขึ้นยังส่งผลต่อค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่น้อยลงด้วย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของท้องถิ่น ค่าใช้จ่ายด้านการเงินบำนาญ และการหลีกเลี่ยงความรับผิดที่อาจเกิดขึ้น

เมื่อมองไปที่ตัวเลขดังกล่าวก็พอจะมองเห็นว่าทำไมความปลอดภัยและสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ จากข้อมูลขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) พบว่าทุกๆ ปี อุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานส่งผลต่อการเสียชีวิตของผู้ปฏิบัติงานถึง 2.78 ล้านคน ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อองค์กรเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในมุมกว้างต่อเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วยซึ่งต้องมีการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของคนวัยเกษียณก่อนกำหนด การดูแลสุขภาพและเบี้ยประกันที่สูงขึ้น องค์กรแรงงานระหว่างประเทศกล่าวว่าภาระด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการปฏิบัติด้านสุขภาพอาชีวอนามัยและความปลอดภัยนั้นมีถึง 3.94% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในแต่ละปี

ผู้อำนวยการ EU-OSHA (European Agency for Safety and Health at Work) ของนิตยสารไฟแนนเชียลไทม์ กล่าวว่าค่าใช้จ่ายด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นประมาณการว่าเท่ากบ 3-5% ของ GDP ของสหภาพยุโรปเลยทีเดียว การบาดเจ็บและสุขภาพมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตที่หลีกเลี่ยงได้อย่างเช่นอุบัติเหตุถึง 4,000 ราย และเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตที่เกิดจากการเจ็บป่วยถึง 160,000 รายในแต่ละปี

เมื่อเทคโนโลยีและเทคโนโลยีเอไอมีมากขึ้น ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของงานและสถานที่ทำงาน Global Wellness Institute ได้เน้นถึงความจำเป็นของการสร้างทักษะของผู้ปฏิบัติงานขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจะต้องอาศัยความลื่นไหล การปรับตัว และความร่วมมือ และเพื่อที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ในอนาคต ธุรกิจและองค์กรจึงจำเป็นจะต้องประสานเอาศักยภาพของเรื่องสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีด้วยการเชื่อมโยงวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เข้ากับคุณค่าส่วนบุคคลของผู้ปฏิบัติงาน แรงจูงใจและความต้องการในเรื่องของสวัสดิภาพความเป็นอยู่ที่ดี

 บริษัทและสถาบันต่างๆ ซึ่งกำลังพยายามที่จะเพิ่มผลผลิต ปรับปรุงผลกำไรและสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานให้มีสวัสดิภาพที่ดี ควรจะใส่ใจอย่างใกล้ชิดในระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยด้วย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสับสนในเรื่องมาตรฐานระดับประเทศและโครงการรับรองต่างๆ เป็นประเด็นที่นำไปสู่โครงการ OHSAS ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศซึ่งพูดกันเป็นเสียงเดียวโดยมีการดึงเอาผู้แทนจากสถาบันมาตรฐานแห่งชาติ นักวิชาการ หน่วยรับรองระบบงาน และหน่วยรับรองระบบการจัดการเข้าร่วมมือกันโดยสมาชิกกลุ่ม BSI ซึ่งเป็นสมาชิกของไอเอสโอจากประเทศอังกฤษ เป็นเลขานุการ

เทรเวอร์ ดอดด์ ทำงานกับ BSI และเป็นผู้แทนกลุ่มโครงการ OHSAS กล่าวว่า OHSAS 18001 ได้นำไปสู่การปรับปรุงในเรื่องพันธสัญญาและมีการส่วนร่วมของผู้บริหารระดับสูงและการสื่อสารและการฝึกอบรมที่ดีขึ้น ดังนั้น จึงนำไปสู่การลดอุบัติเหตุและอัตราการเกิดอุบัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่โลกมีความซับซ้อนมากขึ้นและมีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันมากขึ้น ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยจึงกลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเวลาในรูปแบบของมาตรฐานใหม่ คือ ISO 45001 ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ OHSAS 18001

มาตรฐานใหม่จะนำมาซึ่งระบบการจัดการที่มีประสิทธิผลต่อองค์กร ดอดด์กล่าวว่ามันจะช่วยให้ยุติการรับรู้ที่ว่า บ่อยครั้ง การจัดการด้านความปลอดภัยและสุขภาพที่ต้องมีอยู่นั้นมีการจำกัดอย่างไม่จำเป็นและไม่จำเป็นเมื่อมีการพิจารณาความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง และบ่อยครั้งนำไปสู่ความไม่เห็นด้วย

แล้วทำไมต้องเป็นมาตรฐานใหม่ ISO 45001 ด้วย โปรดติดตามต่อในครั้งต่อไปซึ่งเป็นตอนจบค่ะ

ขอขอบคุณ ที่มา : www.masciinnoversity.com